บ่อเต็น
ดินแดนแห่งโอกาสและการใช้ชีวิต
เมื่อจินตนาการถึงเขตเศรษฐกิจพิเศษในประเทศลาวมักมีภาพของคาสิโนที่คลาคล่ำไปด้วยเหล่านักเสี่ยงโชค เดิมบ่อเต็นเองก็มีภาพดังกล่าว แต่จากปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ทำให้มีการเปลี่ยนผู้สัมปทาน ในปี 2554 รัฐบาลลาวได้ให้สัมปทานแก่บริษัทยูนนาน ไห่เฉิง เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของพื้นที่เดิมที่เคยเต็มไปด้วยเรื่องเล่าของอาชญากรรม และความรุนแรงในพื้นที่คาสิโนชายแดน ไปสู่เมืองชายแดนที่เต็มไปด้วยโอกาสและมีความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต การดำเนินโครงการของยูนนาน ไห่เฉิง ได้มุ่งเน้นการพัฒนาเมืองให้เป็นเมืองทันสมัยเหมาะกับผู้อยู่อาศัย พร้อมกับสิ่งอำนาวยความสะดวกมากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล แผนการก่อตั้งนิคมอุตสาหกรรม และแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ
บ่อเต็นตอนที่แล้ว ไฉไลในประเทศลาว (3) ตอนสุดสายรถไฟลาว-จีนที่บ่อเต็นแดนงาม (ดูเพิ่ม https://www.chinaseasia.net/storiesoflaos3) เราได้นำเสนอภาพโดยรวมของบ่อเต็นทั้งโรงแรม ร้านอาหาร โครงการก่อสร้างต่าง ๆ นับจากหกเดือนในการกลับมาบ่อเต็นอีกครั้ง เราพบว่า ร้านอาหารหลาย ๆ ร้านหายไป เช่น ร้านอาหารลาวตรงหัวมุมติดโรงแรม Jing Land ร้านอาหารกึ่งผับที่ชื่อ Bangkok ของคนไทย เป็นต้น ถูกทดแทนด้วยร้านใหม่ ๆ และมีร้านอื่น ๆ ที่เปิดเพิ่มขึ้นมา เช่น ร้านขายของกิ๊ฟช็อป ร้านเกม ร้านขนมเค้ก ร้านขายของชำ เป็นต้น พื้นที่หลาย ๆ โซนที่เคยดูว่าง ๆ ตอนนี้เต็มไปด้วยการจับจองของชาวจีนที่ต้องการมาทำธุรกิจ พวกเราพูดคุยกับเจ้าของร้านหลายร้าน พบว่า เจ้าของร้านชาวจีนเหล่านี้มาจากหลายเมืองหลายมลฑลในประเทศจีน หลายคนมาอยู่ที่บ่อเต็นเพราะสามีทำงานที่นี่ หรือมีธุรกิจในประเทศลาว การย้ายมาเพื่อทำงานค้าขายหรือมาเป็นเจ้าของกิจการในประเทศที่ต้นทุนน้อยลงอย่างในสปป.ลาว
ในครั้งนี้พวกเราลองเข้าพักโรงแรมใหม่ เป็นโรงแรมของชาวจีนซึ่งมีผู้จัดการชาวหลวงน้ำทาเป็นผู้ดูแล โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในตึกคอนโดที่มีการก่อสร้างและปล่อยขายเป็นห้องๆ แล้วผู้ประกอบการชาวจีนเหล่านี้นำเอามาเปิดห้องทำเป็นโรงแรม หรือทำการซื้อห้องทั้งชั้นเพื่อนำมาดำเนินกิจการในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน
โรงแรมที่พวกเราพักแทรกอยู่ในตึก 2 ตึก ด้านล่างของตึกเหล่านี้ถูกเปิดเป็นร้านต่าง ๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านทำผม ร้านรับส่งสินค้า นอกจากนี้ยังมีกิฟต์ชอป ขายสินค้าประเภทเครื่องสำอาง เครื่องประดับ ชุดนอน จากการสนทนากับเจ้าของร้านได้ความว่า เธอเป็นชาวหูเป่ยที่เพิ่งมาเปิดได้หนึ่งเดือน เดิมเคยทำฟาร์มดอกไม้ที่ประเทศจีน แต่สามีมาทำงานที่บ่อเต็น จึงตั้งใจจะมาเปิดร้านดอกไม้สดที่นี่ แต่เมื่อดูท่าทีแล้วคาดว่าไม่น่าจะทำมาค้าขึ้น เลยเปลี่ยนมาขายกิฟต์ชอปที่ส่งมาจากเมืองจีน พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ของที่อยู่อาศัยเสียส่วนใหญ่ และไม่ใช่โซนที่นักท่องเที่ยวจะมาเดินช้อปปิ้งมากนัก ห่างออกไปประมาณสองช่วงตึกเป็นถนนที่เรียกได้ว่าย่านเศรษฐกิจของบ่อเต็นที่ยามค่ำคืนจะเต็มไปด้วยเหล่านักท่องเที่ยว นักท่องราตรี และมีร้านค้าและร้านบริการหลากหลายประเภทเปิดต้อนรับ หากเดินไปจนสุดถนนจะเป็นจะมีแผงขายของเรียงรายตามเส้นทางโดยขายทั้งผัก ผลไม้ ของสด ไปจนถึงเสื้อผ้า กระเป๋า เคสมือถือ พวกเราเข้าใจว่าเป็นการย้ายตลาดที่เคยทำแบบแบกะดินซึ่งเดิมอยู่บริเวณซอกตึกให้มาเป็นแผงลอยเพื่อสร้างความเป็นระเบียบแทน
ในช่วงเที่ยงของอีกวันหลังจากสำรวจไปทั่ว ๆ เมืองอีกครั้ง พบว่าในช่วงกลางวันนี้เมืองเงียบมาก แทบจะไม่มีคนเดินตามท้องถนน เมื่อกลับมาถนนเส้นหลักอีกครั้งพวกเราเลือกเข้าไปทานอาหารกลางวันที่ร้านเฝอลาวซึ่งเป็นร้านเปิดใหม่ขนาดใหญ่กว่าสองคูหา แม้ว่าร้านจะชื่อเฝอลาวแต่เจ้าของร้านเป็นหญิงชาวจีนวัยกลางคน บ้านเดิมอยู่ที่หูหนาน หลังจากพูดคุยเธอเล่าว่า ก่อนหน้านี้เธอเคยทำงานรับเงินเดือนมาก่อน ไม่เคยเปิดร้านอาหารเช่นนี้ เธอเลือกมาเปิดร้านที่นี่เพราะว่าสามีของเธอนั้นทำงานในบริษัทไห่เฉิงที่บ่อเต็นนี่เอง
ฝั่งตรงข้ามกับร้านเฝอลาวคือร้านอาหารข้าวแรมฟืน นับเป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ยังคงเปิดอยู่ตั้งแต่ที่พวกเรามาในครั้งที่แล้ว เจ้าของร้านเป็นหญิงชาวจีนวัยกลางคน เธอเล่าว่าเข้ามาอยู่ที่ลาวตั้งแต่ปี 2015 โดยเริ่มต้นจากมาอยู่ที่หลวงพระบาง จากนั้นย้ายไปอยู่เวียงจันทน์ และมาเปิดร้านอาหารแห่งนี้ช่วงต้นปี ครอบครัวของเธอมีกิจการรถขุดดิน โดยสามีและลูกชายเป็นผู้ดูแลซึ่งกำลังทำถนนไฮเวย์ในลาว เธอตั้งใจมาเปิดกิจการร้านอาหารแห่งนี้เพื่อให้ลูกสาวมาดูแลและจัดการ แต่ลูกสาวของเธอตอนนี้กลับไปอยู่ที่คุนหมิง อีกไม่นานเธอเองจะกลับไปเช่นกันเนื่องจากอาการเจ็บป่วยต้องกลับไปหาหมอที่จีน เพราะการหาหมอที่นี่ลำบาก ส่วนร้านอาหารก่อนหน้านี้ขายได้ค่อนข้างดี เธอเคยใช้สามห้องติดกันเพื่อเปิดขายอาหาร ทำรายได้กว่าหนึ่งหมื่นหยวนต่อวัน แต่ตอนนี้ไม่สามารถทำเงินได้ขนาดนั้น เธอเล่าว่าเป็นเพราะรถไฟตอนนี้วิ่งตรงเข้าจีนได้เลย จึงไม่มีลูกค้าเยอะเหมือนเดิมแล้ว เช่นเดียวกับร้านอาหารจีนอีกร้านซึ่งเจ้าของร้านชาวหูหนานมาเปิดร้านขายปลาทอดและอาหารจีนประเภทอื่น ๆ เล่าว่า ช่วงนี้คนไม่เยอะ ขายไม่ดี เพราะ ‘รถไม่เข้ามา’
‘รถไม่เข้ามา’ ในที่นี้หมายถึงรถไฟที่เชื่อมระหว่างลาว-จีน หรือชายแดนบ่อเต็น-โมฮาน ผู้โดยสารไม่ต้องออกจากสถานีบ่อเต็นเพื่อหยุดรอและข้ามชายแดนไปขึ้นรถไฟฝั่งประเทศจีน โดยแรกเริ่มสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการจะเดินทางไปข้ามชายแดนส่วนใหญ่จำเป็นต้องหยุดรอที่บ่อเต็นหนึ่งคืนเพื่อข้ามชายแดนก่อน เนื่องจากในช่วงสถานการณ์โควิด การรถไฟลาว-จีนยังไม่เปิดบริการวิ่งตรงเวียงจันทน์-คุนหมิง แต่ภายหลังรถไฟฯ มีการเปิดจำหน่ายตั๋วที่สามารถนั่งยาวข้ามพรมแดนได้ ความจำเป็นที่ต้องหยุดพักที่บ่อเต็นจึงไม่มีอีกต่อไป
แม้ว่าผู้โดยสารจากรถไฟที่เข้ามาพักในบ่อเต็นจะลดน้อยลง แต่เมืองบ่อเต็นกลับมีชีวิตชีวาในยามค่ำคืนเช่นเดิม โดยเฉพาะร้าน ‘นวด’ ที่จะมีไฟสีม่วง สีชมพู ส่องสว่าง ขณะเดียวกันแรงงานที่ทำงานตามโครงการก่อสร้างดูเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ตลอดทางที่เดินผ่านตามตึกก่อสร้างมิได้ถูกปล่อยทิ้งร้าง แต่มีคนงานทำงานอยู่ตลอดเวลา แม้แต่เด็กสาวที่มาเป็นแรงงานตามร้านอาหารก็เยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
* ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมการเผยแพร่ข้อมูลงานวิจัยต่อสาธารณะภายใต้ โครงการ “รถไฟจีนข้ามพรมแดน : การศึกษาเปรียบเทียบผลกระทบของโครงการก่อสร้างทางรถไฟต่อชุมชนรอบสถานีหลักในประเทศไทยและลาว ได้รับทุนสนับสนุนจาก สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) โดยหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนา กำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) ประจำปีงบประมาณ 2564 - 2566
** ปัจจุบันโครงการวิจัยยังอยู่ระหว่างดำเนินการ เนื้อหาที่เผยแพร่เป็นส่วนหนึ่งของการรวบรวมข้อมูล ไม่ใช่ข้อสรุปผลการวิจัย
ผานิตดา ไสยรส
หัวหน้าโครงการ
ปลายฟ้า นามไพร
ผู้ช่วยวิจัย
Kesone Kanhalikham
ผู้ช่วยวิจัย